วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ก็อบลิน

 ก็อบลิน
 ก็อบลิน (Goblin) คือเป็นพวกโนมที่มีรูปร่างวิกลวิการ พวกมันชอบเล่นสนุก แต่บางครั้งก็ชั่วร้ายและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมสามารถทำอันตรายแก่ผู้คน รอยยิ้มของก็อบลินทำให้เลือดหยุดไหล เสียงหัวเราะทำให้นมบูดและผลไม้หล่น ก็อบลินมีต้นกำเนิดมาจากฝรั่งเศส
 


 
ก็อบลิน ( ตัวแสบในเทพนิยายตะวันออก)

     ในหนังสือ"สัตว์มหัศจรรย์ และถิ่นที่อยู่ "เขียนโดยนิวท์ สคามันเดอร์ บอกไว้ว่าในยุคแรก มีการจำแนกแบบหยาบๆไว้ว่า "สิ่งมีชีวิตที่ไม่ถือเป็นสัตว์แต่เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง คือพวกที่เดิน 2เท้า" แต่ปรากฏว่าพวกที่เดิน2เท้ามีมากมายเช่น พิกซี่ โทรลล์ ฯลฯ แต่พวกนี้ไม่มีสติปัญญาพอที่จะสื่อสารหรือเข้าใจภาษาพูดได้

     ดังนั้น ค.ศ.1811 โกรแนน สตัมป์ รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์จึงบัญญัติว่า "สิ่งมีชีวิตชั้นสูง"คือ สิ่งมีชีวิตใดๆที่มีความเฉลียวฉลาดพอที่จะเข้าใจกฎหมายของโลกเวทมนตร์ และมีส่วนในการกำหนดตัวบทกฏหมายเหล่านั้นได้" ก็อบลินก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้นเช่นกัน และก็อบลินยังฉลาด มีความสามารถในการ ดูแลธนาคารกริงกอตส์ ถ้าไม่จัดให้เขาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง สถาบันการเงินของโลกเวทมนตร์มีอันต้องวุ่นแน่ๆ





     ก็อบลินไม่ใช่คนแล้วก็ไม่ใช่สัตว์ด้วย (ถึงไม่มีอยูในหนังสือสัตว์มหัศจรรย์ และถิ่นที่อยู่) แต่จัดเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง(ตามที่กระทรวงกำหนด)มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แคระ มีนิ้วมือ นิ้วเท้าที่ยาวมาก มีลักษณะนิสัยขี้เล่น แต่ดุร้ายบางครั้ง-หลายครั้ง เล่ห์เลี่ยมจัดจนเป็นอันตรายต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก

     รอยยิ้มของก็อบลินน่ากลัวจนอาจทำให้เลือดแข็งตัวได้ง่ายๆ เสียงหัวเราะของก็อบลินสามารถทำให้นมบูด และทำให้ผลไม้ที่ยังไม่สุกหลุดร่วงจากต้นได้ พวกมันชอบก่อกวนมนุษย์ด้วยวิธีมากมาย เช่นเอาของเล็กๆไปซ่อน คว่ำแก้วนม และแกล้งเปลี่ยนป้ายบอกตามทางเพื่อให้คนหลงทางเล่นๆ 







 
     ชาวตะวันตกเชื่อว่า ก็อบลินมีต้นกำเนิดอยู่ในประเทศฝรั่งเศส มักอาศัยอยู่ตามรอยแตกของหินในเทือกเขาปิเรเน่ และแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วไปทั่วยุโรปพวกมันไม่สร้างที่พักอาศัยเป็น เรื่องเป็นราวแต่จะอยู่ตามซอกหินที่มีพืชชั้นต่ำจำพวกมอสส์ และตะไคร่น้ำ หรือไม่ก็อยู่ตามรากของไม้ยืนต้นที่มีอายุมาช้านาน และย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีที่มาทำงานที่ธนาคารกริงกอตส์

เทพในตำนานเคลติก


เทพในตำนานเคลติก

225เทพในตำนานเคลติก : A25 เม.ย. 56
226เทพในตำนานเคลติก : B19 เม.ย. 56
227เทพในตำนานเคลติก : C11 เม.ย. 56
228เทพในตำนานเคลติก : D-E-F18 เม.ย. 56
229เทพในตำนานเคลติก : G-H-I25 เม.ย. 56
230เทพในตำนานเคลติก : L-M23 ส.ค. 56
231เทพในตำนานเคลติก : N-O-P (55%)23 ต.ค. 56
232เทพในตำนานเคลติก : R-S (0%)28 ธ.ค. 55
233เทพในตำนานเคลติก : T-U-V-W (0%)

ปิศาจรับใช้โซโลมอน

138ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (1)บาเอล3 ก.ค. 54
139ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (2)อากาเรส24 ต.ค. 54
140ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (3)วาสซาโก25 ต.ค. 54
141ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (4)ซามิกินา2 ต.ค. 55
142ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (5)มาร์บัส17 มี.ค. 54
143ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (6)วาเลฟอร์19 มี.ค. 54
144ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (7)อามอน19 มี.ค. 54
145ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (8)บาร์บาทอส20 มี.ค. 54
146ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (9)ไพมอน20 มี.ค. 54
147ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (10)บูเออร์25 มี.ค. 54
148ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (11)กูเซียน25 มี.ค. 54
149ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (12)ซิทริ9 ก.พ. 56
150ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (13)เบเลธ9 พ.ค. 54
151ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (14)เลราเจ29 มี.ค. 54
152ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (15)เอลิกอส6 เม.ย. 54
153ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (16)เซพาร์6 มิ.ย. 54
154ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (17)บอทิส25 เม.ย. 54
155ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (18)บาธิน9 ก.พ. 56
156ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (19)ซัลลอส13 เม.ย. 54
157ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (20)พูรซอน13 เม.ย. 54
158ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (21)มาแรกซ์25 เม.ย. 54
159ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (22)อิพอส25 เม.ย. 54
160ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (23)ไอม์13 เม.ย. 54
161ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (24)นาเบเรียส13 เม.ย. 54
162ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (25)กลาเซีย ลาโบลัส25 เม.ย. 54
163ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (26)บูเน่14 เม.ย. 54
164ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (27)โรโนเว25 เม.ย. 54
165ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (28)เบริธ20 เม.ย. 54
166ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (29)แอสทารอธ25 เม.ย. 54
167ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (30)ฟอร์เนียส25 เม.ย. 54
168ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (31)ฟอราส26 เม.ย. 54
169ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (32)อัสโมดาย2 พ.ค. 54
170ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (33)กาป9 พ.ค. 54
171ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (34)ฟูรฟูร10 พ.ค. 54
172ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (35)มาร์โชซิอัส7 เม.ย. 55
173ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (36)สโทราส29 เม.ย. 54
174ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (37)เฟเนกซ์29 เม.ย. 54
175ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (38)ฮัลฟาส29 เม.ย. 54
176ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (39)มาลฟาส29 เม.ย. 54
177ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (40)ราอุม1 พ.ค. 54
178ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (41)ฟอคาลอร์2 พ.ค. 54
179ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (42)เวพาร์10 พ.ค. 54
180ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (43)แซบนอค10 พ.ค. 54
181ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (44)แชกซ์10 พ.ค. 54
182ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (45)วิเน่10 พ.ค. 54
183ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (46)บิฟรอนส์10 พ.ค. 54
184ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (47)วูแอล11 พ.ค. 54
185ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (48)ฮาเกนติ11 พ.ค. 54
186ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (49)ครอเคล11 พ.ค. 54
187ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (50)ฟูรแคส11 พ.ค. 54
188ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (51)บาลัม11 พ.ค. 54
189ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (52)อัลโลเซส11 พ.ค. 54
190ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (53)ไคม์12 พ.ค. 54
191ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (54)มูรมูร12 พ.ค. 54
192ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (55)โอโรบัส13 พ.ค. 54
193ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (56)เกรโมรี13 พ.ค. 54
194ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (57)โอเซ่13 พ.ค. 54
195ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (58)อามี่13 พ.ค. 54
196ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (59)โอริอัส6 มิ.ย. 54
197ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (60)วาพูลา15 พ.ค. 54
198ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (61)ซากัน15 พ.ค. 54
199ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (62)วาลัค15 พ.ค. 54
200ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (63)แอนดราส16 พ.ค. 54
201ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (64)ฮาวเรส16 พ.ค. 54
202ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (65)แอนเดรียฟัส16 พ.ค. 54
203ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (66)ซิเมียส22 พ.ค. 54
204ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (67)แอมดูเซียส22 พ.ค. 54
205ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (68)เบเลียล26 พ.ค. 54
206ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (69)เดคาราเบีย22 พ.ค. 54
207ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (70)ซีเร22 พ.ค. 54
208ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (71)ดันทาเลียน22 พ.ค. 54
209ปิศาจรับใช้โซโลมอน : (72)อันโดรมาเลียส19 พ.ย. 54
2104 ผู้ดูแลเหล่าปิศาจทั้ง 72 ในแดนนรก

เมดูซ่า

เมดูซ่า
GORGON
 
 
      ก่อนจะเข้าสู่เรื่องของเมดูซ่า เรามารู้จักกอร์กอนกันก่อนแล้วกันนะครับ

     กอร์กอน มาจากภาษากรีก gorgós หมายถึง น่าเกลียดน่ากลัว

     กอร์กอน เป็นอสูรกายน่าเกลียดน่ากลัวมีผมเป็นงู เมื่อถูกจ้องตาจะกลายเป็นหิน มีด้วยกันสามพี่น้อง คือ สธีโน่ (Stheno) ผู้เกรียงไกร, ยูไรเอล (Euryale) ผู้โลดโผน และ เมดูซ่า (Medusa) ผู้งดงาม

 
 
     ในสามพี่น้อง เมดูซ่า เป็นเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นมนุษย์ พี่สาวทั้งสองของเธอเป็นอสุรกายน่ากลัว มีผมเป็นงู หางเป็นงู มีปีกสีทองเหลือง และผิวหนังเป็นเกล็ด ทั้งยังเป็นอมตะไม่สามารถฆ่าให้ตายได้

     เหล่ากอร์กอน เป็นลูกของเทพแห่งท้องทะเลฟอซิส Phorcys และซีโต Ceto และยังเป็นหลานของไกอาอีกด้วย (ในบางเว็ปบอกว่ามารดาของเมดูซ่าคือเมทิส Metis เจ้าแห่งปัญญา หรือก็คือเป็นพี่น้องกับอเธน่า แต่ในเว็ปภาษาอังกฤษที่ผมหา ยังไม่เจอบทความไหนเลยนะครับ ที่บอกว่า เมทิส เป็นมารดาของเมดูซ่า)

 
MEDUSA
 

ความหมาย

     คำว่า เมดูซ่า - Medusa เป็นคำที่มีมานานมากแล้ว ที่ยังคงเป็นรากศัพท์ไว้ในหลายๆภาษาโบราณ เช่น ในภาษาสันสกฤต คือ เมธา (ผู้ปราดเปรื่อง)ในภาษากรีก คือ Metis (เทพเห่งปัญญา)และในภาษาอียิปต์โบราณคือคำว่า Met หรือ Maat  (เทพแห่งความสามัคคี)



 


ตำนาน
 
     เอาล่ะครับเรามาเข้าเรื่องหลักๆของเมดูซ่ากัน เรื่องราวของเมดูซ่าที่ผมหามีด้วยกัน 4 เรื่องนะครับ ความจริงผมกะจะเอามาเรื่องเดียว แต่พอหาๆดูแล้วมันแตกต่างกันจนเอามารวมกันเป็นเรื่องเดียวไม่ได้น่ะครับ ผมก็เลยสรุปไว้ได้ 4 เรื่อง

ดังนี้ครับ...

 


     เรื่องที่หนึ่ง เล่าว่า

     -->เมดูซ่าเป็นหญิงสาวที่งดงามมาก โดยเฉพาะเส้นผมของเธอซึ่งเป็นที่ล่ำลือว่างดงามที่สุด งามยิ่งกว่าเทพีไหนๆ หรือแม้แต่เทพีอเธน่าเสียอีก ซึ่งตรงจุดนี้แหละที่ทำให้อเธน่าอิจฉานางมากๆ

     
-->เมดูซ่าและพี่สาวของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ไกลโพ้นทางตอนเหนือ ไกลจนแสงอาทิตย์ไม่อาจทอดลงมาได้ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเมดูซ่า เธอจึงขอเทพีอเธน่าให้พาเธอไปดินแดนทางใต้เพื่อชมพระอาทิตย์ แต่อเธน่าปฏิเสธ เมดูซ่าจึงพูดออกไปด้วยความโกรธว่า "ที่ท่านไม่พาข้าไปเพราะท่านอิจฉาในความงามของข้าใช่หรือไม่" ทันใดนั้นเทพีอเธน่าก็สาปให้ผมที่สวยงามของเธอเป็นงู และมีรูปร่างเป็นอสุรกายเหมือนพี่สาวของเธอ



  
 
     เรื่องที่สอง เล่าว่า

     
-->เมดูซ่า และพี่สาวทั้งสาม เป็นพี่น้องร่วมมารดากับอเธน่า อเธน่าเกลียดเหล่ากอร์กอนที่มีมารดาเดียวกับนางมากจึงหาทางกำจัดทิ้ง เพราะพี่สาวทั้งสองของเมดูซ่าเป็นอมตะ อเธน่าจึงไม่สามารถทำอะไรได้ เป้าหมายของนางจึงตกอยู่ที่เมดูซ่าเพียงผู้เดียว

     
-->วันหนึ่งขณะที่เธอเข้าไปสักการะในวิหารของเทพีอเธน่า (หญิงสาวทั่วไปจะมาสักการะที่นี่ เพราะเป็นวิหารแห่งพรหมจรรย์) เทพเนปจูนหรือก็คือโพไซดอนก็มาวิหารนี้เช่นเดียวกัน เมื่อโพไซดอนเห็นเมดูซ่าปุ๊ปก็หลงรักทันที อยากจะได้มาครอบครอง ก็เลยข่มขืนเธอที่นั่น! ได้โอกาสของอเธน่าแล้ว นางใส่ร้ายเมดูซา ว่ามาสมสู่ชายในวิหารของนาง จึงสาปให้เส้นผมของเธอเป็นงู มีรูปร่างอัปลักษณ์ ชายใดที่เธอเห็นจะต้องเป็นหิน! หึหึ วะฮ่าๆ<<เสียงอเธน่า



 
     เรื่องที่สาม เล่าว่า 

     
-->เมดูซ่าเป็นหญิงงามที่มีชายมากมายหมายปอง เรื่องความงามนี้ไปเข้าหูของเทพแห่งน้ำโพไซดอน ซึ่งโพไซดอนเองก็อยากจะรู้ว่านางเมดูซ่านั้นจะงามเพียงใด เมื่อพบเมดูซ่าโพไซดอนก็หลงรักในความงามนั้นทันที จึงฉุดเมดูซ่าเข้าวิหารที่อยู่ใกล้ๆนั้นเพื่อขมขื่น! แต่วิหารที่โพไซดอนฉุดนางเมดูซ่าเข้าไปกลับเป็นวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของเทพีอเธน่าเสียนี่ เธอโกรธมากที่เมดูซ่าทำให้วิหารแห่งพรหมจรรย์ของนางต้องแปดเปื้อน จึงสาปให้นางเป็นอสูรร้าย มีผมเป็นงู

     
-->ตอนนั้น เมดูซ่า เหมือนกับตกนรกทั้งเป็น เธอจ้องมองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความเคียดแค้น โดยเฉพาะบุรุษทุกคน ความเคียดแค้นของเธอนั้นมีมากเสียจนทำให้ใครก็ตามที่ถูกนางจ้องมองต้องกลายเป็นหิน...



 


     *แต่ก็มีจุดที่เหมือนกันอยู่ในสามตำนานแรกก็คือ แม้ว่าเมดูซ่าจะกลายร่างเป็นอสูรร้ายไปแล้ว แต่ใบหน้าของนางก็ยังงดงามอยู่ จึงมีชายมากมายที่อยากจะเห็นใบหน้านั้น จึงพยายามเข้าไปในถ้ำเพื่อพิสูจน์แต่ก็กลายเป็นหินไปหมด...*




 
     เรื่องที่สี่ เล่าว่า

     
-->เมดูซ่านั้นเป็นเจ้าป่าเจ้าเขา (อยู่ในตำนานของลิเบีย) มีผมขอดหยิกหยักถักเป็นเปียเล็กๆทั่วทั้งหัวแบบชาวอัฟริกัน (dreadlocks) ดูคล้ายงู เป็น ที่นับถือของชาวลิเบียโบราณว่าเป็น เทพแห่งงู หรือเจ้าป่าเจ้าเขาผู้มีอำนาจดุร้าย ในยุโรปสมัยโบราณยุคหิน งู ยังไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายแต่เป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจเหนือ ธรรมชาติ

     
-->600 ปีก่อนคริสตกาลชาวกรีกก็ผูกเรื่องให้เมดูซ่าเป็นนางมารร้าย และทำลายวิหารเมดูซ่าทิ้งไป

     
-->จากเดิมที่เมดูซ่าเป็นที่ยกย่องบูชา ก็เปลี่ยนเป็นเทพีอเธน่า ผู้เป็นเทพสตรีตัวอย่างของสังคม ที่ชาวกรีกต้องการใช้เป็นแบบอย่าง(ไม่ได้เป็นเจ้าป่าเจ้าเขาอย่างเมดูซ่า) คือรักษาพรหมจรรย์ และรับใช้ครอบครัว ยึดมั่นในความซื่อสัตย์จงรักภักดีและเทิดทูน ซีอุส เหนือตนเอง
 


 
จุดจบเมดูซ่า

     เรื่องราวของเมดูซ่าดำเนินมาถึงจุดจบแล้วนะครับ TT

     เมดูซ่าถูกสังหารโดยเพอร์ซีอุส แต่ก็ไปว่าเพอร์ซีอุสเค้าไม่ได้นะครับ เพราะเพอร์ซีอุสต้องการช่วยแม่ของตนดาเน่ จึงต้องทำตามคำท้าทายของกษัตริย์โพลิเดคเทส ด้วยการตัดหัวของเมดูซ่ามาให้ แล้วเพอร์ซีอุสก็ทำสำเร็จ สามารถสังหารเมดูซ่าได้ด้วยความช่วยเหลือของ อเธน่า และ เฮอร์เมส (เอ่อ อเธน่าแค้นอะไรเมดูซ่านักหนาครับนี่?) เพอร์ซีอุสนำหัวของเมดูซ่ากลับไป และทำให้กษัตริย์กลายเป็นหิน เมื่อสามารถช่วยแม่ของตนได้แล้ว ก็นำหัวของเมดูซ่าไปให้เทพีอเธน่า 
และเทพีอเธน่า ก็นำหัวของเมดูซ่าไปประดับโล่ห์ประจำองค์ครับ (บางตำนานบอกว่าเพอร์ซีอุสใช้หัวของเมดูซ่าฆ่ามังกรทะเล Cetus)

      

     รู้รึเปล่าครับว่าว่าขณะที่ฆ่าเมดูซ่านั้น เลือดของนางได้หยดลงไปในทะเลสองหยด หยดแรกได้ให้กำเนิดเป็น ไครเซเออร์(Chrysaor) หยดที่สองได้ให้กำเนิดเป็น เพกาซัส (Pegasus) บ้างก็ว่าเพกาซัสนั้นกระโจนออกมาจากคอของเมดูซ่าเลยทีเดียว แล้วรู้มั้ยครับว่าใครจะเป็นพ่อ แต่น แต๊น~ โพไซดอนไงละครับ! เพราะมหาสมุทรเปรียบได้ดั่งโพไซดอนนั่นเอง     
 
 


 
เพิ่มเติม+แก้ข้อสงสัย by BBF

     มาอีกแล้วนะครับไอหัวข้อแบบนี้ 555+ จะมีคนสงสัยหรือข้องใจแบบผมรึเปล่าครับว่าแม่ของเมดูซ่าในตำนานแท้จริงนั้นเป็นใคร? 

     ถึงผมจะบอกในบทความไปแล้วว่าพ่อแม่ของเมดูซ่าคือฟอซิสกับซีโต แต่หลายคนคงเคยได้ยินว่าเมทิสเป็นมารดาของเมดูซ่า ซึ่งในกรณีนี้ก็เท่ากับว่าเมดูซ่าเป็นพี่น้องกับเอเธน่าไปในตัว (ซูสกลืนเมทิสและให้กำเนิดอเธน่าออกมา) ผมว่าการเข้าใจแบบนี้ทำให้เนื้อเรื่องของเมดูซ่าสนุกขึ้นเป็นเท่าตัว แต่อย่างไรแล้วสำหรับผมพ่อแม่ของเมดูซ่าก็ยังคงเป็นฟอซิสกับซีโตเช่นเคย =x= ดังนั้นผมจะขออธิบายความเข้าใจนี้ของผมครับ...

     เมื่อลองหารากศัพท์ของคำว่าเมดูซ่าแล้วจะพบว่า Medusa จะเท่ากับภาษากรีกโบราณคำว่า Metis ครับ นี่เป็นสาเหตุแรกที่ทำให้คิดว่า Medusa ถือกำเนิดมาจาก Metis สาเหตุที่สองคือความคล้ายคลึงของตำนานและความสามารถของทั้งสองครับ  กล่าวคือ เมทิสเป็นผู้มีปัญญาเป็นเลิศกว่าใคร ซูสจึงกลืนกินนางด้วยกลัวว่าความฉลาดของนางจะเป็นภัย ส่วนเมดูซ่าเป็นผู้มีใบหน้าและจิตใจที่งดงาม จนอเธน่าอิจฉาและทำลายเธอ (ความจริงความสามารถของเมดูซ่านี่ อยู่ในขั้นเทพเลยนะครับ เธอสามารถติดต่อกับความมืดมิด ความเลวทราม และโลกหลังความตายได้อย่างชิวๆเลยละ เพราะเมื่อเทียบสามพี่น้องกับดวงจันทร์แล้ว พี่ทั้งสองของเมดูซ่าเป็นเดือนหงายและจันทร์เต็มดวง ส่วนเมดูซ่านั้นเป็นเดือนคว่ำ ซึ่งเปรียบเป็นเงาของเหล่ากอร์กอนนั่นเอง) นอกจากนี้ส่วนในตำนานที่เหมือนกันอีกจุดก็คือการตายครับ ซึ่งทั้งเมทิสและเมดูซ่าพอตายปุ๊บลูกก็เกิดขึ้นมาปั๊บ
      ด้วยความเหมือนเหล่านี้เองที่ทำให้หลายคนคิดว่าเมทิสเป็นมารดาของเมดูซ่า จนเกิดการสับสนและเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ อย่างไรก็ดีตำนานก็คือตำนานครับ การเล่าเรื่องมากันเป็นทอดๆก็ก่อให้เกิดความคลาดเคลื่อนได้ ควรใช้วิจารณญาณในการคิดตามจะดีที่สุดนะครับ >w<


ปล.ผมใช้วิจารณญาณของผมบวกกับเว็ปในการอธิบายเรื่องราวเหล่านี้ หากขัดต่อความคิดใครก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ

อสูรปกครองศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 (ก็มังกรอีกนั่นแหละ)

อสูรปกครองศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 

 อสูรปกครองศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 4 (ในภาษาจีน 四霛/四灵 [Si Ling]; ในภาษาญี่ปุ่น 四神 [ชิชิน]) เป็น อสูรทั้ง 4 ตามเทพนิยายจีนซึ่งทำหน้าที่ปกครองทิศทั้ง 4 บนสวรรค์ และเทพอสูรแต่ละองค์จะประกอบด้วยกลุ่มดาว 7 กลุ่ม นอกจากนั้นเทพทั้ง 4 ยังเป็นตัวแทนธาตุหลักตามตำราจีนด้วย ซึ่งนำเอาใช้ในตำราแพทย์ของจีน รวมถึงศิลปะการต่อสู้อีกด้วย (คุ้นๆกันในเบเบรดมั้ยเอ่ย?? ^^)

 
อสูรทั้ง 4
1. มังกรฟ้า 

      มังกรฟ้า 青龍 (ชิงหลง ในภาษาจีน เซริว ในภาษาญี่ปุ่น หรือ ชุง รวอง ในภาษาเกาหลี) เทพอสูรแห่งทิศตะวันออก ตัวแทนแห่งฤดูใบไม้ผลิ สีประจำคือสีฟ้า (หรือเขียว) เป็นอสูรธาตุไม้ แสดงถึง คุณงามความดี ความเหมาะสม ความสงบสุขและมั่นคงของบ้านเมือง (ควบคุมดินฟ้าอากาศ และ เป็นสัญลักษณ์แห่งจักรพรรดิ) มักถูกใช้เป็นขั้วตรงข้ามกับ หงส์แดง (ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งจักรพรรดินี ตามความเชื่อของญี่ปุ่น)
      .::Seiryuu มังกรฟ้า(หรือมังกรคราม,น้ำเงิน)
   สวรรค์ ธาตุไม้ สัญลักษณ์คือ 巽 xùn (ความอ่อนโยน) ทิศตามอี้จิงคือ ตะวันออกเฉียงใต้
   พิภพ ธาตุไม้ สัญลักษณ์คือ  震 zhèn (ปลุกใจ) ทิศตามอี้จิงคือ ตะวันออก
(**บางเว็ปบอกว่าเป็นธาตุน้ำ) 
2.หงส์แดง


     หงส์แดง 朱雀 (จูเชว่ ใน ภาษาจีน ซูซาคุ ในภาษาญี่ปุ่น หรือ จู จัก ในภาษาเกาหลี) เทพอสูรแห่งทิศใต้ ตัวแทนแห่งฤดูร้อน สีประจำคือสีแดง เป็นอสูรธาตุไฟ ถูกจับคู่กับมังกรฟ้า ในฐานะความสมดุลตามธรรมชาติความสุขในการสมรสเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ แสดงถึงความรู้ หงส์แดงถูกสื่อผ่านขนสีเพลิงที่ส่องสว่าง พร้อมกับเสียงขับขานอันน่าหลงใหล ซึ่งจะปรากฏตัวในยามมงคลเท่านั้น ซึ่งในพระราชวังของญี่ปุ่นมีรั้วที่สร้างสิริมงคลอย่าง ซูซาคุมง หรือ รั้วหงส์แดง ด้วย
     .::Suzaku หงส์เพลิง(หงส์แดง)
  สวรรค์ ธาตุไฟ สัญลักษณ์คือ  離 lí (จงรักภักดี) ทิศตามอี้จิงคือ ใต้
  พิภพ ธาตุดิน สัญลักษณ์คือ  坤 kūn (เปิดใจกว้าง) ทิศตามอี้จิงคือ ตะวันตกเฉียงใต้
3.พยัคฆ์ขาว


     พยัคฆ์ขาว 白虎 (ไป๋หู่ ในภาษาจีน เบียคโกะ ในภาษาญี่ปุ่น หรือ แบค โฮ ในภาษาเกาหลี) เทพอสูรแห่งทิศตะวันตก ตัวแทนแห่งฤดูใบไม้ร่วง เป็นอสูรธาตุโลหะ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับหลุมศพตามตำราจีน จากเหตุการณ์พิธีศพ ของจักรพรรดิจีน สัญลักษณ์ของธาตุโลหะถูกเปรียบเทียบให้เป็นตัวแทนของ เทพอสูรพยัคฆ์กำลังก้มเคารพศพของจักรพรรดิ พยัคฆ์ขาวเป็นเทพอสูรแห่งการปกป้อง การคุ้มครอง เป็นราชาแห่งสรรพสัตว์ทั้งปวง รวมถึงเป็นราชันย์แห่งขุนเขาด้วย เครื่องประดับหยกที่ทำเป็นรูปเสือก็ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการรบและการทหารด้วย นอกจากเสือจะเป็นเทพอสูรที่คอยขับไล่เหล่าศัตรูของจักรพรรดิจีน แล้วยังคอยขับไล่ภูตผีปีศาจไม่ให้เข้ามาทำลายบ้านเมืองอีกด้วย
     .::Byako สมิงขาว (เสือขาว)
  สวรรค์ ธาตุทอง สัญลักษณ์คือ  乾 qián (สร้างสรรค์) ทิศตามอี้จิงคือ ตะวันตกเฉียงเหนือ
  พิภพ ธาตุทอง สัญลักษณ์คือ  兌 duì (สนุกสนาน) ทิศตามอี้จิงคือ ตะวันตก
 

(**บางเว็ปบอกว่าเป็นธาตุลม)

4.เต่าดำ


     เต่าดำ 玄武 (เฉวียนอู่ ในภาษาจีน เกนบุ ในภาษาญี่ปุ่น หรือ ฮยุน มู ในภาษาเกาหลี) เทพอสูรแห่งทิศเหนือ ตัวแทนฤดูหนาว เป็นอสูรธาตุน้ำ (ในบางครั้งรวมธาตุดินเข้าไปด้วย) เทพอสูรตัวนี้ถูกสื่อออกมาในรูปของเต่าสีดำที่ถูกพันรอบด้วยงู เป็นสัญลักษณ์แห่งศาสนาพุทธ ความศรัทธา อายุยืนยาว ความสุข มีความเชื่อว่าถ้าเทพอสูรเต่าอายุถึง หนึ่งพันปี จะสามารถพูดภาษาคนและทำนายเหตุการณ์อนาคตได้ กล่าวกันว่ากระดองของเต่าสื่อถึงหลังคาแห่งจักรวาล เทพอสูรตัวนี้มีสัญลักษณ์เป็น เต่า และมีสีดำ รวมถึงประจำทิศเหนือซึ่งถือว่าเป็นทิศที่ไม่ค่อยมงคลสำหรับชาวจีน ก็เพราะ คำว่าเต่าในภาษาจีน มีความหมายในแง่ลบ
     .::Genbu เต่าดำ
  สวรรค์
 ธาตุน้ำ สัญลักษณ์คือ  坎 kǎn (น้ำลึก) ทิศตามอี้จิงคือ เหนือ
  พิภพ ธาตุดิน สัญลักษณ์คือ  艮 gèn (นิ่งเฉย) ทิศตามอี้จิงคือ ตะวันออกเฉียงเหนือ

มังกรทอง


     มังกรทอง 黃龍 หรือ ฮวงหลง ในบางตำราเป็นตัวแทนของ ธาตุดิน และประจำอยู่จุดศูนย์กลางของสวรรค์
     ตามตำราของญี่ปุ่น เทพอสูรทั้ง 4 เป็นตัวแทนของธาตุของศาสนาพุทธตามตำราญี่ปุ่น โดยที่
     มังกรฟ้า - ธาตุน้ำ
     หงส์แดง - ธาตุไฟ
     พยัคฆ์ขาว - ธาตุลม
     เต่าดำ - ธาตุดิน
     จุดศูนย์กลาง - ความว่างเปล่า

10 สายพันธุ์มังกร

10 สายพันธุ์มังกร

มังกรอาจจะเป็นสัตว์ที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ว่าได้ และก็เป็นสัตว์จำพวกที่ปกปิด จากสายตามักเกิ้ลยากที่สุดด้วย มังกรตัวเมียส่วนมากจะมีขนาด ใหญ่กว่าและ ดุร้ายกว่าตัวผู้ แต่ไม่ว่าจะเป็นมังกรเพศไหนก็ไม่ควรเข้าใกล้ ยกเว้นพ่อมด ที่เก่งกาจและได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเท่านั้น หนัง เลือด หัวใจ ตับ และเขามังกร ล้วนมีคุณ สมบัติทางเวทย์มนต์สูง แต่ไข่มังกรก็จัดอยู่ในสินค้าห้ามซื้อขาย มังกรมี อยู่สิบสายพันธุ์ที่หายากแต่บางครั้ง ก็มีการผสมข้ามพันธุ์ที่หายากขึ้นมาได้ มังกรสายพันธุ์แท้มีดังต่อไปนี้





1.จีนลูกไฟ (chinese fireball) 
     เป็นมังกรเอเชียเพียงพันธุ์เดียว และมีรูปร่างที่แปลกแตกต่างจากพันธุ์อื่น ๆ เกล็ดเรียบสีม่วง รอบใบหน้าที่สั้นและย่นมีระบายกรีบสีทองล้อม ประดับไว้ ดวงตาโปนโต เปลวไฟรูปร่างคล้ายดอกเห็ดที่มันพ่นออกมาในยามโกรธเป็นที่มาของชื่อพันธุ์ลูกไฟ น้ำหนักอยู่ระหว่าง2-4ตัน ตัวเมียจะใหญ่กว่าตัวผู้ ไข่เป็นสีทับทิมสดมีจุดสีทอง เปลือกไข่มีค่าเพราะนำไปใช้ประกอบเวทย์มนต์แบบจีนได้พันธุ์ลูกไฟมีนิสัยดุร้าย แต่มีความอดทนต่อมังกรสายพันธุ์เดียวกันสูงมากกว่ามังกรส่วนใหญ่ บางครั้งถึงกับยอมใช้อาณาเขตร่วมกันตัวอื่นถึง2ตัวพันธุ์จีนลูกไฟกินสัตว์เลี้ยง
ลูกด้วยนมเป็นหลัก แม้ว่าจะชอบกินหมูหรือมนุษย์มากกว่าก็ตาม


2.นอร์เวย์หลังเป็นสัน (Norwegian Ridgeback)
 



     นอร์เวย์หลังเป็นสันมีความคล้ายคลึงกันมังกรพันธุ์ฮังการีหางหนามในหลาย ๆ ด้าน แต่แทนที่จะมีหนามแหลมที่หาง มันจะมีสันสีดำสนิท ยื่นออกมาจากหลังแทน พันธุ์หลังเป็นสันจะดุร้ายกับพันธุ์เดียวกันมากเป็นพิเศษทุกวันนี้มันจัดเป็นหนึ่ง ในสายพันธุ์มังกรที่หายากขึ้นทุกที มันเคยโจมตีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่บนดินมาแล้ว แทบทุกชนิดและที่ต่างจากมังกรทั่วไปคือ มันกินสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้ำด้วย รายงาน ที่ปราศจากหลักฐานระบุว่า มังกรพันธุ์นี้เคยโฉบเอาลูกปลาวาฬไปจากชายหาดแห่งหนึ่งในนอร์เวย์เมื่อปี ค.ศ.1802 ไข่ของพันธุ์หลังเป็นสัน
แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ นักโทษแห่งอัสคาบันมีสีดำ และตัวอ่อนจะพัฒนาความสามารถในการพ่นไฟได้เร็วกว่าพันธุ์อื่น (ระหว่างหนึ่งถึงสาม เดือนเท่านั้น)


3.เพรูเวียน ไวเปอร์ทูท (Peruvian Vipertooth)
 



     หรือเปรูเขี้ยวพิษ เป็นมังกรพันธุ์เล็กที่สุด และบินได้เร็วที่สุด ความยาวอยู่ราว ๆ สิบห้าฟุต เกล็ดเรียบสีทองแดง และมีสันสีดำ เขาสั้น เขี้ยวมีพิษร้ายแรง พันธุ์เขี้ยวพิษโปรดปรานแพะและวัวแต่ก็ชื่นชอบรสเนื้อมนุษย์ด้วย จนสมาพันธ์พ่อมดนานาชาติจำเป็นต้องส่งผู้ควบคุมไปลดปริมาณของ พันธุ์เขี้ยวพิษเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 ก่อนหน้านั้นปริมาณของมังกรนี้ ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ

4.ยูเครเนียน ไอรอนเบลลี (Ukrainian Ironbelly)
 



     หรือยูเครนกระเพาะเหล็ก เป็นมังกรพันธุ์ใหญ่ที่สุด น้ำหนักมากที่สุดถึง 6ตัน ตัวกลมป้อม บินได้ช้ากว่าพันธุ์เขี้ยวพิษและพันธุ์โรมาเนียเขายาว อย่างไรก็ตาม พันธุ์กระเพาะเหล็กมีอันตรายมากมันทำลายให้บ้านเรือนเรียบเป็นหน้ากลองได้ เกล็ดสีเทาเป็นมัน ตาสีแดงเข้ม กรงเล็บยาวและแหลมคมมาก มังกรพันธุ์กระเพาะเหล็กถูกเจ้าหน้าที่พ่อมดยูเครนจับตาดูอย่างใกล้ชิด นับตั้งแต่มีตัวหนึ่งโฉบไปหิ้วเรือใบ (โชคดีที่ว่างเปล่า) ที่ทะเลดำในปี ค.ศ.1799


5.โรมาเนียน ลองฮอร์น (Romanian Longhorn) 



     หรือโรมาเนียเขายาว มีเกล็ดสีเขียวดำเขาสีทองเป็นประกาย ซึ่งมันจะใช้เสียบเหยื่อย่างไฟของเขามันเมื่อเอาไปป่นเป็นผงแล้วมีค่ามาก ใช้เป็นเครื่องปรุงยาได้ ปัจจุบันนี้ดินแดนแหล่งกำเนิดของพันธุ์โรมาเนียเขายาว ได้กลายเป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์มังกรที่สำคัญที่สุดในโลก ซึ่งพ่อมดทุกสัญขาติ ได้ศึกษามังกรพันธุ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด พันธุ์เขายาวถูกจัดอยู่ในโครงการ เพาะพันธุ์เร่งด่วนด้วย เนื่องจากจำนวน ของมันลดต่ำลงในช่วงสองสามปีที่ ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นเพราะการซื้อขายเขาของมัน ซึ่งปัจจุบันจัดเป็นสินค้าซื้อขายได้


6.เวลส์สีเขียวธรรมดา (Common Welsh Green) 



     พันธุ์เวลส์สีเขียวนั้นสีกลมกลืนกับหญ้าเขียวสดที่บ้านเกิดของพวกมันเป็นอย่างดี มักจะทำรังอยู่บนภูเขาสูง ซึ่งกำหนดไว้เป็นเขตอนุรักษ์ เพื่อให้มันอยู่อาศัย ถ้าไม่นับเหตุการณ์ที่อิลฟราคอมบ์ สายพันธุ์นี้ก็จัดอยู่ในประเภทที่สร้างปัญหาน้อยที่สุด มันชอบกินแกะเป็นอาหาร และจะหลีกเลี่ยงจากมนุษย์ ยกเว้นเมื่อถูกรบกวน พันธุ์เวลส์สีเขียวมีเสียงคำรามที่สูง ๆ ต่ำ ๆ เหมือนดนตรีอย่างน่าประหลาด และเป็นเสียง ที่จดจำได้ง่าย มันจะพ่นไฟเป็นลำบาง ๆ ไข่เป็นสีน้ำตาลหม่น ๆ มีจุดสีเขียว


7.สวีเดนจมูกสั้น (Swedish Short-Snout)


     เป็นมังกรสีฟ้าเหลือบเงินแสนสวย คนมักเอาหนังของมันมาทำถุงมือและโล่ เปลวไฟที่พ่นออกมาเป็นสีฟ้าใส ซึ่งเผาผลาญไม้และ กระดูก เป็นเถ้าถ่าน ได้ภายในไม่กี่วินาที พันธุ์จมูกสั้นฆ่ามนุษย์น้อยกว่ามังกรส่วนใหญ่ มันมักอาศัยอยู่ตามป่าและบริเวณภูเขาที่ไม่ทีคนอาศัยอยู่ จึงไม่มีวีรกรรมมากนัก


8.แอนตี้โพเดี้ยน โอเพิลอาย (Antipodean Opaleye


     หรือแอนติโพเดี้ยนตาสีรุ้ง มีถิ่นกำเนิดในนิวซีแลนด์ แต่ต่อมาก็อพยพไปอยู่ออสเตรเลียเนื่องจากที่อยู่ในบ้านเกิดเริ่มจำกัด อาศัยอยู่ในหุบเขามากกว่าตามภูเขา ซึ่งแตกต่างจากมังกรทั่วไป มังกรพันธุ์นี้มีขนาดกลาง(น้ำหนักระหว่าง 2-3 ตัน) ตาสีรุ้งอาจจะเป็นมังกรพันธุ์ที่สวยงามที่สุดก็เป็นได้ มีเกล็ดมันวาวสีเหลืองรุ้ง และมีดวงตาหลากสีประกายปราศจากม่านตา ซึ่งเป็นที่มาของชื่อพันธุ์ มังกรพันธุ์นี้ จะพ่นไฟสีม่วงเจิดจ้า ตามมาตรฐานมังกรถือว่าไม่ดุร้ายนัก ส่วนมากถ้าไม่หิวก็จะไม่ฆ่า อาหารโปรดคือแกะ แต่ก็เคยล่าเหยื่อที่ใหญ่กว่านั้น การฆ่าจิงโจ้ครั้งใหญ่ตอนปลายทศตวรรษที่ 1970 เป็นฝีมือของพันธุ์สีรุ้งตัวผู้ที่ถูกตัวเมียซึ่งมีอิทธิพลมากกว่าไล่ออกจากบ้าน ไข่ของมันสีเทาซีดและมักเกิ้ลที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวมักเข้าใจผิดว่าเป็นฟอสซิล


9.ฮังการีหางหนาม (Hungarian Horntail) 



     คาดว่าดุร้ายที่สุดในบรรดามังกรทุกสายพันธุ์ พันธุ์ฮังการีหางหนาม มีเกล็ดสีดำ และรูปร่างคล้ายกิ้งก่า ตาสีเหลือง เขาสีบรอนซ์ และ ตลอดหางอันยาวเหยียดของมัน ก็มีหนามแหลมสีบรอนซ์เช่นเดียวกัน พันธุ์หางหนามพ่นไฟได้ไกลที่สุด (ไกลสุดถึง 15 ฟุต) ไข่สีเทา เหมือนสีเมนต์และเปลือกแข็งมากตัวอ่อนจะเจาะเปลือกไข่ ออกมาโดยใช้หาง ซึ่งมีหนามแหลมติดตัวมาตั้งแต่เกิด พันธุ์ฮังการีหางหนาม กินแพะ แกะ และถ้าเป็นไปได้ก็จะกินมนุษย์เป็นอาหาร 


10.เฮบริเดี้ยนสีดำ (Hebridean Black) 


     มังกรท้องถิ่นของอังกฤษอีกสายพันธุ์หนึ่งซึ่งดุร้ายกว่าพันธุ์ เวลส์สีเขียวเพื่อนร่วมถิ่นมาก พันธุ์เฮบริเดี้ยนสีดำใช้พื้นที่อยู่อาศัยถึง 100 ตารางไมล์ต่อ1 ตัว มันยาวได้ถึง 30 ฟุต เกล็ดไม่เรียบตาสีม่วงสุกใส และมีสันเตี้ย ๆ แต่คมกริบเรียงเป็นแถวตลอดแนวหลัง ปลายหางมี หนามใหญ่ลักษณะเหมือนลูกศรและมีปีกเหมือนค้างคาวเฮบริเดี้ยน สีดำกินกวางเป็นอาหารหลัก แต่ก็เคยบินโฉบเอาสุนัขตัวใหญ่หรือแม้ แต่แม่วัวไปกิน ตระกูลพ่อมดแมกฟัสดี้ที่มีถิ่นพำนักอยู่ในเฮบริดีซมานับศตวรรษรับหน้าที่ดูแล ควบคุมมังกรประจำถิ่นพันธุ์นี้เรื่อยมา
จนเป็นประเพณี 



**ข้อมูลส่วนใหญ่จะมาจากหนังสือเรื่อง Harry Potter -0-

มังกรอัญมณี


มังกรอัญมณี : Crystal Dragon25 ส.ค. 56
48มังกรอัญมณี : Amethyst Dragon25 ส.ค. 56
49มังกรอัญมณี : Sapphire Dragon25 ส.ค. 56
50มังกรอัญมณี : Emerald Dragon21 ต.ค. 56
51มังกรอัญมณี : Topaz Dragon